รีวิว อโยธยา มหาละลวย ผมเองก็ไม่ใช่คอหนังไทย สักเท่าไรนัก แต่ก็พอดูบ้าง ส่วนมากที่ชอบดูจะเป็นหนังแนวย้อนยุคออย่าง บางระจัน เรียกได้ว่านานมากเลยที่ชม วันนี้ผมไปเจอหนังไทยน่าสนใจอย่างเรื่องนี้

ก็เป็นเรื่องราวในช่วงยุคที่ ต่างชาติกำลังเข้ามาในสยามประเทศ โดยเป็นเรื่องราวของ ชานหนุ่ม ที่เขาต้องกำพร้าพ่อชาวญี่ปุ่น เขาลูกเลี้ยงดูจากคนอื่น ที่สอนคาถา และ วิชาการต่อสู้ให้เขา เขานั้นจะเก่งแค่ไหนคงต้องไปชมกันดูในหนังเลยนะครับ สามารถเข้ารับชมหนังได้ที่ ดูหนังใหม่

รีวิว อโยธยา มหาละลวย หนังไทยย้อนยุค ความรักที่เกิดจากใจหรือคาถากันแน่

Upload Image...

รีวิว อโยธยา มหาละลวย ผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับฝีมือดี

เรียกได้ว่าช่วงนี้กำลังเป็นช่วงที่หนัง อโยธยา มหาละลวย ไทยย้อนยุคมาแรง เอาออกมาให้เราชมไม่พักเลย โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจะนำมาให้ดูกัน

หนังไทยที่เล่าเรื่องความรักซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็อิงประวัติศาสตร์เล็กน้อย หนังเรื่องนี้ อโยธยา มหาละลวย  หนังเป็นผลงานชิ้นใหม่ของ Mono Film ที่สร้างหนังสนุกมาหลายเรื่อง

แค่พระเอกของเรื่องก็ชวนให้สาวๆหลายคน สนใจหนังเรื่องนี้ เพราะได้หนุ่มหล่อ จิรายุ ตั้งศรีสุข แถมยังได้นางเอกน่ารักที่าประกบเขาอย่าง เมลดา สุศรี

แถมยังเพิ่มนักแสดงวัยบรุ่นที่มาสมทบให้หนังน่าดูยิ่งขึ้น บวกกับหยิบจับเอาประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยอโยธยามาผูกเรื่องราวในเชิงโรแมนติกเข้าไป จึงดูน่าสนใจไม่น้อย ท่านสามารถติดตามการรีวิวของเราได้ที่ รีวิวหนังเอเชีย อ่านฟรี ไม่เสียค่าบริการ

Upload Image...

หนังเรื่องนี้ อโยธยา มหาละลวย เรื่องย่อ ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง ภวัต พนังคศิริ คนที่เคยสร้างละครชื่อดังที่ทำให้คนดูนอนจิกหมอนอย่าง บุพเพสันนิวาส และ เฮ้ย ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ 2563

ตัวเรื่องเล่าเรื่องในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มันคือที่ชาวต่างชาติได้เข้ามายังสยามประเทศ แล้วมาถวายการรับใช้พระเจ้าแผ่นดิน ออกญาคชบาล

เขานั้นได้ทำตามที่ตกลงรับปากไว้กับ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ว่าจะกำจัดพวกชาวญี่ปุ่นที่มารับใช้ โดยเฉพาะพวกตระกูล ยามาดะ ที่ถวายความจงรักภักดีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เพื่อหวังไม่ให้ก่อการกบฏ

ความโกลาหลของอโยธยาจาก อโยธยา มหาละลวย

มันเป็นช่วงที่อโยธยากำลังจะเปลี่ยนแปลง เข้าสู่รัชสมัยใหม่ในเรื่องนี้ อโยธยา มหาละลวย ตัวละคร ทั้งเปลี่ยนสู่ราชวงศ์ใหม่ มันเลยเกิดความไม่สงบสุข มีการฆ่าล้างตระกูลกัน

และนั้นเองจริงเป็นผลให้พระเอกของเรา เรียว หรือเรียวสึ ต้องกำพร้าพ่อที่เป็นคนญี่ปุ่น สายเลือดยามาดะคนสุดท้ายที่ถูกขอชีวิตไว้และถูกเลี้ยงดูพร้อมถ่ายทอดวิชาทั้งคาถาและการต่อสู้

ชาวต่างชาติ ได้เข้ามายังสยามประเทศ มาค้าขายบ้าง บางตระกูลก็มารับใช้พระเจ้าแผ่นดิน แต่ภายหลังมีการเปลี่ยนราชวงศ์ มันเลยทำให้ อโยธยาเกิดความวุ่นวายมากมาย

เกิดการฆ่าล้างโคตร ที่เคยให้การรับใช้จากราชวงศ์เก่า คนญี่ปุ่นที่อยู่ในไทยอย่าง ยามาดะ นางามะซะ ก็เช่นกัน ครั้งนั้นผู้ที่สังหารเขาก็คือ ออกญาคชบาล

Upload Image...

แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ยังมี เด็กคนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ แต่เขาก็ต้องเป็นเด็กกรำพร้า นั้นคือ เรียว ได้หลวงปู่ผู้เป็นพระอาจารย์ของออกญาคชบาลรับเขามาเลี่ยงดู

จนเขานั้นเติบโต แถมยังเก่งด้านวิชาคถาอมคม และ การต่อสู้ เขานั้นต้องการอยากที่จะรู้ว่าต้นกำเนิดของเขานั้นมาจากไหน เขานั้นหลังรักสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นสาวสวย ออสายสร้อย ความรักมันแน่นอกยกไม่ไหว เลยต้องออกตามหาทั้งนางและแม่ในคราวเดียวกัน

ใน อโยธยา มหาละลวย เจมส์จิรายุ ที่สุด เขาก็ได้ทราบข่าวว่า นางเอกของเรานั้น ออสร้อย เธอนั้นได้ไปทำงานเป็นนักร้องที่โรงชำเราของเจ๊เกียว แต่เมื่อไปถึงกลับได้พบว่า

ความงามของเธอทำให้มีชายหนุ่มชายผู้สูงศักดิ์หมายปอง เขาคือ ขวัญ ลูกชายของออกญาคชบาล ชายคนนี้เพียบพร้อมทั้งอำนาจ บริวาร ศิลปะการต่อสู้และมนต์อาคม

รักสามเศร้าเมื่อมีชายอีกคนเข้ามาใน อโยธยา มหาละลวย

หนัง อโยธยา มหาละลวย โบว์เมลดา นั้นพยาบามสร้างความ โรแมนติก ด้วยที่ว่ามีฉากน่าสนใจอย่างโรงชำของเจ๊เกียว และ แถมยังมีสาวงาม เรียกได้ว่าเป็นนักร้องเบอร์ต้น ๆ ของโรงชำก็ว่าได้

นั่นคือ ออสร้อย หรือชื่อเต็มคือ ออสายสร้อย เธอนั้นทำหน้าที่เป็นทั้งนางรำ และ นักร้องของร้าน หญิงสาวผู้เป็นยอดรักของ เรียวสึ เธอมีเพื่อนสนิทเป็น อออิน ผู้โดดเด่นในเชิงการดนตรี

เนื้อหาของหนัง อโยธยา มหาละลวย นักแสดง เริ่มจากการตามหาหญิงสาวของ เรียวสึ ก่อนจะนำมาซึ่งการแย่งชิง เมื่อมีชายอีกคนสมาตกหลุมรักนางเอกด้วย หวังเอาไปเป็นเมีย รักสามเส้าจึงบังเกิดขึ้น

ช่วงแรกหนังดูไท่น่าสนใจสักเท่าไร เดินเรื่องยืดยื้อไปหน่อย โดยเฉพาะฉากสำคัญอย่างโรงชำ ที่ทำออกมาให้เหมือนกับว่าเราดูละครเวที มีร้องรำทำเพลงเหมือนจะอิงว่าคนอโยธยามีความเจ้าบทเจ้ากลอน แต่ก็ทำให้โทนหนังดูแหวกแตกต่างจากส่วนที่เหลือไปโดยปริยาย

Upload Image...

ในบางช่วงเหมือนหนังตัดเอาเนื้อหาออกไปดื้อๆ ซะอย่างงั้น โดยเฉพาะเรื่อง คาถา และ ความรักที่ชวนให้เราสงสัยว่ามันเป็นมายังไง มองเห็นความพยายามในการสร้างเรื่องอิงประวัติศาสตร์

การสร้างฉากเพื่อจำลองภาพของโลกในยุคนั้น ดูจากพล็อตหนัง อโยธยา มหาละลวย pantip ก็เหมือนจะเข้มข้น แต่เมื่อได้ชมจริงก็พบว่าการเล่าเรื่องดูธรรมดาเกินไป

ประเด็นของความรักที่มีตัวเลือกระหว่างการใช้มนต์คาถากับความรักที่เกิดจากใจจริงก็ยังไม่ค่อยจะหนักแน่นเท่าใดนัก แม้กระทั่งฉากจบดูจะลงเอยง่ายดายไปเสียหมด

เกร็ดประวัติศาสตร์จาก อโยธยา มหาละลวย

หนัง อโยธยา มหาละลวย ผู้กำกับ เองก็ได้หยิบเอาเกร็ดประวัติศาสตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันเป็นเรื่องจริงเข้ามาเป็นการตั้งต้น เพื่อที่จะต่อยอดเรื่องราว อย่างเช่นเรื่องของชาวต่างชาติที่ติดต่ออาศัยมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม

จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ในแผ่นดินพระนารายณ์ อีกทั้งยังมีตัวละครที่สร้างมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ เช่น ออกญาคชบาล ที่จะครองราชย์เป็น สมเด็จพระเพทราชา

ส่วน ขวัญ บุตรชาย ก็หยิบเอาคาแรกเตอร์มาจาก เดื่อ ที่จะขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ พระเจ้าเสือ ที่ครองราชย์ต่อจากผู้เป็นพ่อนั่นเอง

Upload Image...

โดยที่ผู้กำกับ ก็เอารายละเอียกบางอย่างมาจาก ละคร บุพเพสันนิวาส ที่เคยกำกับเอาไว้ เอามารวมกัน แล้วแต่งเติมให้เป็นเนื้อเรื่องใหม่

แล้วเกร็ดประวัติศาสตรนี้แหละที่ผมมองว่ามันทำให้หนังน่าสนใจไม่น้อย เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ น่าค้นหาเรื่องอ่านต่อเลยแหละ

ยิ่งเรื่อง อโยธยา มหาละลวย นางเอก ของชาวต่างชาติในอโยธยา หรือการเรียก ออสายสร้อย ว่าเป็น อี้จี ทีเป็นสาวของรับใช้ของในราชวงศ์จีน รวมทั้งการผสมผสานเรื่อง

ของคาถาอาคม คาถา รอยสัก ของขลัง อย่างที่หน้าหนัง จั่วหัวเอาไว้ว่าหนังเรื่องนี้เป็น ภาพยนตร์รักสายมู ซึ่งมันก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย

รีวิว อโยธยา มหาละลวย เต็มไปด้วย คาถาอาคม ไสยศาสตร์ไทย

เราอาจจะคุ้นเคยกับหนัง อโยธยา มหาละลวย สปอย ไทย แนวไสยศาสตร์ คาถาอาคม เล่ห์กลมนตร์ขลังในโทนและเรื่องราวด้านมืดทั้งนั้น น้อยครั้งเหลือเกินที่จะเอาไสยศาสตร์แบบไทย ๆ

มาเล่าในรูปแบบบู้แอ๊คชั่น แล้วยังใส่ความตลกเข้ามาอีก เป็นแนวมูเตลูสายขาวว่างั้นเถอะ แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับสายมู มากเท่าไรนัก 2 อย่างของหนังไม่ได้พูดถึงมากเท่าที่ควร ต้องรอถึงตอนสำคัญจริง ๆ

ก็ถึงจะรู้ว่าสายมูมันมีความสำคัญกับหนังอย่างไร ซึ่งผู้เขียนมองว่า ค่อนข้างน่าเสียดายที่น่าจะเอาธีม ‘หนังรักสายมู’ มาใช้ให้ได้มากกว่านี้

เจมส์จิ โบว์เมลดา ละคร ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ กับเรื่องราวสายมูเตลู แต่ที่น่าสนใจอีกอย่างคงเป็น การให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นหนุ่มหล่อที่ชื่อว่า ทอง ที่ไม่ใช่แค่ห้อยคอ แต่ยังมีตัวตน แถมยังเป็นเพื่อนให้พระเอกของเรา

Upload Image...

และยังคอยเตือน เรียวสึไม่ให้ทำอะไรห่าม ๆ ได้ ซึ่งมันชวนให้ผมแออบนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง โดเรมอน ในบางช่วงอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะที่ทองที่ ที่ชอบแอบมาช่วยเหลือ และเตือนพระเอก เรียวสึในยามขับขัน

ผู้เขียนคิดว่าทองเป็นคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจครับ แต่เสียดายที่ตัวบททำให้ทองมีบทบาทในหนัง อโยธยา มหาละลวย พระเอก น้อยไปหน่อย และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธีมสายมูของหนังถูกลดบทบาทลงใน 2 องก์แรกไปด้วย

ตัวละครที่ผมชอบ และประทับใจ ไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่กลับเป็นตัวละครรอง โดยเฉพาะ อาซิม และ จีนล้ง ที่สร้างสีสันได้ดี ส่วนตัวละครหลักอย่าง โบว์ เมลดา

และ เจมส์ จิรายุ นั้นถือว่าเคมีเข้ากันได้ค่อนข้างโอเคครับ แม้ว่าจะมีเกร็ง ๆ บ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวผู้เขียนเองมองว่า น้องโบว์นี่ขึ้นกล้องดีแฮะ ส่วนเรื่องแอ็คชัน ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน

ความรู้สึกหลังดูหนัง อโยธยา มหาละลวย

ด้วยการตัดต่อที่ไม่ค่อยเนียนตาเท่าไร เลยทำให้ในส่วนของ คาถาอาคม ดูไม่ค่อยโดเด่นเท่าที่ควร แม้ว่าเนื้อเรื่องของหนังดูแปลกใหม่น่าสนใจ

แต่ด้วยมีบางอย่างที่เป็นปัญหา นอกจากปัญหาเหล่านั้นแล้ว พล๊อตเรื่องก็ดูจะไปไม่สุด ตัวบทมันดูไม่ค่อยมีจุดน่าสนใจมากเท่าที่ควร

มันเลยทำให้เรื่องราวของเรื่องนี้ อโยธยา มหาละลวย เต็มเรื่อง มนคาถาดูไม่แข็งแกร่งน่าสนใจ แต่กลับกันคนอาจจะไปโฟกัสเรื่องความรักกันมากกว่า มันดูว่าหรังสับสนจะ เล่าเรื่องความรักของเรียว หรือการตามหาแม่ของเรียวดี

การเดินเรื่องก็ช้าไปนิด มันดูไม่ส่งให้เรารู้เรื่องราวของแต่ละตัวละครมากเท่าไร มันเลยทำให้ดูแห้งเหี่ยวไปเลยในบางตัวละคร และ อีกประเดินการตัดต่อดูติด ๆ ขัด ๆ ดูแล้วไม่สมจริง

Upload Image...

นึกว่าเอาตัวละครมาตักแปะมากกว่า เหมือนจริง ถ้าดูเจาะเป็นซีน ๆ ก็โอเค แต่มันทำให้การเดินเรื่องในภาพรวมติดขัดมาก ๆ ทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้ตัวหนังยังมีรอยโหว่ และทำให้เนื้อเรื่องโดยรวมเกิดอาการขาดห้วงและเล่าเรื่องได้ไม่กลมเท่าไหร่

โดยรวมมันก็ไม่ได้มีแต่สิ่งแย่ๆ ไปซะอย่างเดียว มันก็แอบดู อโยธยา มหาละลวย รายได้ เพลิน อยู่เหมือนกัน เหมือเก็บไว้ดูตอนที่อยากรู้ประวัติศาสตร์ก็ได้ ศึกษาด้านประวัติศาสตร์อยุธยาต่อ แต่นั้นแหละ บทกับการตัดต่ออาจจะเป็นปัญหาใหญ่ไป

มันเลยดูไม่ค่อยขลังสักเท่าไรสำหรังคาถาอาคม แถมการแสดงก็ดูจะไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไร ยังขาดๆ เกินๆ อยู่บ้าง ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังมูเตลู ที่ยังไม่ทันท่องมนต์จบ

ก็ดันเป่าเสกคาถาโอมเพี้ยงเสียก่อนแล้ว เอาเป็นว่าเป็นหนังไทยที่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร ได้กลิ่นอายความเป็นประวัติศาสตร์อย่างมากไม่ควรพลาดเรื่องนี้เลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *