รีวิว Extraction 2 คนระห่ำภารกิจเดือด 2 หนังแอ็คชั่นระทึกขวัญแห่งปี
บทความรีวิวนี้จะเป็นการเขียนรีวิวหลังจากได้รับชม Extraction 2 คนระห่ำภารกิจเดือด 2 ภาคต่อของหนังในชื่อเดียวกันที่ออกฉายไปใน ปี 2020 ผลงานผู้กำกับ Sam Hargrave ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นอีกหนึ่งเรื่องที่ประสบความสําเร็จเป็นอย่างมาก และในครั้งนี้เขากลับมาสานต่อตำนานด้วยฉากแอ็คชั่นมัน ๆ แบบระเบิดภูเขาเผากระท่อม ซึ่งแม้ว่าคุณจะไม่เคยดูภาค 1 มาก่อน หรือไม่อินกับเนื้อเรื่อง แต่แค่ได้เสพฉากแอ็คชั่นเดือด ๆ มัน ๆ ก็ถือว่าเป็นบุญตามากแล้ว หากคุณสนใจ หนังใหม่ฝรั่ง สามารถไปติดตามรับชมหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ ดูหนังออนไลน์ คลิ๊กเลย
รีวิว Extraction 2 ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Sam Hargrave
Extraction (2020) ผลงานการกํากับดูแลของ Sam Hargrave นับว่าเป็นอีกหนึ่ง ภาพยนตร์แอ็กชันสุดระห่ํา ที่ผู้ชม หลายท่าน ต่างสรรเสริญ การออกแบบฉากแอ็กชันที่บันเทิงใจ ตื่นเต้น แล้วก็ลุ้นระทึก
โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งฉาก แอ็กชัน แบบ One Shot หรือ การถ่ายท่า ที่น่าช็อตต่างๆ มาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน กระทั่ง กําเนิดเป็นฉาก ที่มีสถานะการณ์ ต่อเนื่องกัน โดยที่ผู้ชม ไม่รู้สึกถึงการตัดต่อ เพื่อพาผู้ชมไปติดตามการบู๊แหลก
ฝ่าดงลูกปืนของ Chris Hemsworth คนรับบทเป็นทหารรับจ้างมากมาย ความสามารถอย่าง Tyler Rake ซึ่งมี ความยาว ร่วม 12 นาที จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งฉากแอ็กชันที่ผู้ชมจดจํา
ถึงแม้ว่า อนาคตเรา บางครั้งก็อาจจะได้เห็นหนังเรื่องอื่นที่อยู่ในขั้นเตรียมงานสร้าง ที่ออกนอกจักรวาลของ Extraction บ้าง ได้แก่ ซีรีส์แนว แอกชัน ตื่นเต้น กึ่งกลางทุ่งหิมะ The Last Frontier
ที่จะนําแสดง โดย เจ สัน คลาก (Jason Clarke) แล้วก็หนัง ซูเปอร์ฮีโร ‘Prophet’ จากค่าย Image Comics เจ้าเดียว กับ คอมิก The Walking Dead’ ที่ฮาร์เกรฟจะได้ร่วมงานกับ เจก จิลเลนฮาล (Jake Gyllenhaal)
ซึ่ง ก็อาจจะคือเรื่อง ของอนาคต แม้กระนั้นก็ช่วยทําให้มองเห็นได้ว่าฮาร์เกรฟ ไม่ใช่ผู้กํากับที่ถูกละเลย จาก บริษัทภาพยนตร์ แต่ ว่าเขาเลือก ใส่พลังสุดกําลัง กับ “Extraction 2′ เรื่องนี้มาก จริงๆ
เรื่องย่อ
extraction 2 เรื่องย่อ เปิดเรื่องมาด้วยฉากจบของภาคที่แล้วที่ไทเลอร์ ดิ่งลงสะพาน สู่แม่น้ำในเมือง ธากา แต่ว่า แล้วเรื่อง ก็ดําเนิน ต่อเมื่อ กลุ่ม ทหารรับจ้างของ ไทเลอร์นั้นเจอเขายังรอดตายรวมทั้งถูกนําไปรักษาตัว
ท้ายที่สุด ถึงแม้เรื่องจะ เสมือน ต่อจากภาคแรก แม้กระนั้นจะพบว่าเรื่องราวนั้น ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เว้นเสียแต่นักแสดง สมทบ เดิม จากภาคแรกอย่าง นิก แล้วก็ แยซ เมื่อรักษาตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยก็มารักษาหัวใจ
รวมทั้งปลดเกษียณ ตนเองไปอยู่ที่สงบเงียบ ใน ออสเตรีย แต่ว่า รวมทั้งมีงานที่ยากจะไม่ยอมรับเมื่อน้องเมียเก่า ของ ไทเลอร์เป็น คีโต เริ่มที่จะไม่ปลอดภัยที่อยู่ในคุก ในจอร์เจีย คีโต ไม่ได้กระทําความผิดอะไรหรอกนะ
แม้กระนั้นอยู่ในคุก เพราะว่า ผัว จําคุก ทางการอนุญาต ให้ ภรรยา แล้วก็ลูก ทั้งคู่เข้าไปอาศัยกับบิดาได้ด้วย นั่นเลยเป็นการดําเนิน การชิงตัวประกัน ในภาคนี้ รวมทั้งจะเริ่มด้วยฉากแอคชั่น หฤโหด ยาวๆ21 นาที
ตั้งแต่เริ่มช่วย 3 แม่ลูก ใน เรือนจํา ขับรถไล่ล่า กระทั่งจบ บนทางรถไฟในพื้นที่ปลอดภัย ขอคาราวะสวยๆ สมกับผู้กํากับ ที่เป็นอดีต สตั้นแมนมาก่อน โดยฉากนี้ ใช้เวลาฝึกซ้อม 4 – 5 เดือน แล้วก็ ใช้เวลาถ่ายจริง 29 วัน ออกมาได้เนี้ยบ อย่า งงี้จะไม่ควรคาราวะได้ยังไง มันส์จนกระทั่ง แทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว
หนังแอ็คชั่นสุดมันที่การันตีว่าสมการรอคอย
สําหรับเรื่องนี้ จําเป็นต้องพูดว่า คุ้มสมการรอคอย 3 ปีจริงๆ แอ็คชั่นจัดเต็มสูบแบบอิ่มเอมมากๆ จัดหนักจัด เต็มมากยิ่งกว่าเดิม ทั้งหมดทุกอย่าง ทั้งยังฉากแอ็คชั่น งานโปรดักชั่น ดูยิ่งใหญ่ ฟอร์มยักษ์ กว่า ภาคแรกมาก ๆ
ยิ่งไปกว่านี้ บทของ extraction 2 คนระห่ำภารกิจเดือด 2 ก็ยัง ทำออกมา ได้ออกจะดี มีการพาพวกเรา ไปเจาะลึก ให้รู้จัก นักแสดง ผู้แสดงน่าชายเยอะ ขึ้นเรื่อยๆ ได้ทราบความเป็นมาของเขาว่าเป็นมายังไง
แถม ปมดราม่าระหว่าง ผู้แสดงนําชาย กับ ลูกชายก็ทํา ออกมา ก้าวหน้ารวมทั้งไปได้จนถึง สุดทาง ซึ้ง ประทับใจเอาการแล้วก็ได้มองเห็นพัฒนานักแสดง ผู้แสดงนํา ชาย อย่างเห็นได้ชัด ในฐานะคนเป็นบิดา
ส่วนตัวผม ถูกใจ ฉาก ตอนแหกคุก ตอนต้นเรื่องมากที่สุด เขาทําเป็น Long Take ที่มีการตัด อยู่หลายจังหวะ อยู่เช่นเดียวกัน แต่เขาตัดได้เนียนมากมายจนถึงมันดูเป็นเสมือนฉาก Long Take จริงๆ ทั้งหมดทุกอย่าง สมูท
และก็ ลื่นไหลมากๆ มุมกล้องถ่ายรูปสุดจัดๆหมุนไปให้มองเห็น ทุกแง่ทุกมุม รวมทั้งเก็บอารมณ์ของผู้ แสดง ใน แต่ละเหตุการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ มอง โคตรเพลิดเพลิน อยากกราบ ผู้กํากับภาพมาก
ออกแบบฉากออกมา ได้โคตรดี แถม ภาคนี้ยังจัดเต็ม กว่า ภาค ที่ยัดระเบิดมาตู้มต้าม แบบไม่มีกั๊ก ซึ่งความยอดเยี่ยม พวกนี้ มันยิ่ง ช่วยสนับสนุนให้ฉาก Long Take นี้มันเดือดขึ้นแล้วก็เพอร์เฟ็คมากยิ่งกว่าเดิม ไปอีก
ความรู้สึกหลังรับชม
extraction 2 รีวิว ถึงแม้ผมว่าจะกล่าวว่า ถูกใจ ฉาก ต้นเรื่องมากสุด แต่ว่าฉากแอ็คชั่น ตอน กึ่งกลาง เรื่อง กับ ส่วนท้ายเรื่อง ก็มิได้ ออกมาห่วย เพียงแค่มันปกติ และไม่ได้เดือด เท่า ตอนแรกเฉยๆ ส่วน ในเรื่องของบท
กล่าวได้ว่า ตามมาตรฐานทั่วๆไป แต่เข้าใจได้เพราะประเด็นนี้เขาขาย แอ็คชั่นเป็นหลักอยู่แล้ว สําหรับ ตัวร้าย ในภาคนี้ ดีแล้ว ไซน์ออก มาเจริญแบบเดียวกัน ดู สมน้ําสมเนื้อ กับ ผู้แสดงนําชาย รวมทั้ง โก้เก๋ดี
ติดแค่เพียงหนังมิได้แบ่งเวลา ไปให้ พวกเรา ได้มองเห็นมิติของตัวร้ายเท่าไร ทราบเพียงแค่ว่าเขา โหดเหี้ยมเขาชั่วร้าย แต่ว่ามิได้ขยี้ปมเบื้องลึก เบื้องหน้าเบื้องหลัง ทําให้มิติของตัวร้ายมันดูบาง และก็ราบเรียบ ยังดีที่มีฉากแอ็คชั่น ดีเยี่ยมที่สุด
ช่วยดึงเอา ไว้ทําให้ภาพรวมออกมาดูดี สรุปว่า ไปดูกันเถิดนะครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ ยิ่งถ้าเกิด คุณเคยดูภาคแรก แล้ว ถูกใจ ภาคแรก การันตีได้เลยว่า คุณจะต้องหลงเสน่ห์ ภาคนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
จุดบกพร่องของภาคนี้เป็นที่ความ สมเหตุผล ในตอนหลังไม่มีเลย ตัวร้ายชูทีม บินมาจากจอร์เจียเข้าประเทศออสเตรเลีย ได้อย่างง่ายดาย แถม ขนอาวุธ การรบ มาเต็มรถยนต์
มีจนถึงเฮลิคอปเตอร์ ติดอาวุธ บินมายิง กระหน่ํา โฮเต็ล กลางเมือง โดยแทบจะ ไร้คนอยู่ในนั้น ราวกับบังกะโล ร้าง ตํารวจ ประเทศออสเตรเลีย ก็โผล่มาแบบผ่านๆ ไม่มีประโยชน์กับเรื่องเลย
รีวิว Extraction 2 แฟรนไชนส์ที่สนุกกว่าที่ภาคก่อน ๆ
ในภาคนี้ยังเน้นย้ําให้มีกลุ่มช่วย ไทเลอร์มากยิ่งกว่า ภาค 1 โดยเป็นบทของ Nik กับ Yaz สอง ลูกพี่ลูกน้อง ที่เป็นผู้รับงานให้ไทเลอร์จากภาคแรก ครั้งนี้มาร่วมสู้ด้วยตั้งแต่ต้นจนถึงจบ รวมทั้ง มีฝีมือ แกล้วกล้า ไม่แพ้ กันเลย
ซึ่งการแบ่ง ให้มีฉากแอ็กชั่นของ 2 คนนี้เพิ่มเข้ามาก็ช่วยลดความโอเว่อร์ของ นักแสดง ไทเลอร์ที่ ภาค แรก ฝ่า ลําพัง จนกระทั่ง ดูเกินจริง ไปมากด้วย ตัวเรื่อง ยังมีตัวละคร ใหม่ ที่แสดง โดย idris elba โผล่มา ในตอนแรกเรื่อง
กับตอนสุดท้ายเรื่อง เพื่อวางเรื่องราวให้ไปต่อกันที่ ภาค 3 และก็จากที่ Chris Hemsworth ให้สัมภาษณ์ว่าชอบบทนี้มาก อยากเล่นเรื่อยๆก็ทําให้มั่นใจว่า นี่อาจจะเป็นแฟรนไชนส์ยาวๆเกิน 3 ภาคแน่นอน นะครับ
บทสรุป
ส่วนที่น่าดึงดูด เป็นเรื่องที่ หนังยังได้ เกรก บัลดิ (Greg Baldi) ผู้กํากับภาพ ที่ผ่านงาน ถ่าย คิวบู๊มากมาย ประสบการณ์ จาก John Wick: Chapter 3 – Parabellum’ (2019) รวมทั้งได้ อเลกซ์ โรดริเกวซ (Alex Rodríguez)
มือตัดต่อ ที่เคยผ่านหนัง ยอดเยี่ยม ทดลองเทค ‘Children of Men’ (2006) มาแล้ว ถือได้ว่าเป็น การเลือก คณะทํางานที่น่าดึงดูดมากมาย และก็ทําให้ด้านโปรดักชันนั้นวิจิตรตระการตา สมการรอคอยมีฉาก ขนาดใหญ่ที่ขายได้
หลายฉากให้จดจํา หากแม้หนังจะมีเรื่องราวที่เข้าถึงง่าย มีการขยายเพิ่ม ความเป็นคน ของเรก ด้วย การเปิดเผย ด้านอ่อนแอ ที่ติดค้างในใจ เป็นการสะสางอดีตกาลเพื่อเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ถาวรขึ้น แล้วก็ขยายเรื่องราว
ด้วยหน่วยงาน ใหม่ๆ พูดได้ว่าเป็นภาคต่อที่ปฏิบัติหน้าที่สะพานได้ค่อนข้างจะดี แต่ว่าก็จะต้องสารภาพว่า เมื่อ ด้านหนึ่ง หนัง พรีเซนเทชั่น ตนเองเป็นแอ็กชัน นันสต็อป พอหนังมีจังหวะพัก หายใจ ด้วย ดราม่าขนาดเล็ก ที่เชยๆ
มันเลยมอง ขืนจังหวะหนังอยู่นิดนึง สรุปแล้ว หนังมีช่วงเวลา 123 นาที รับประกันว่า ไม่มี ตอนเบื่อแน่ๆ เปิดลําโพงดังๆ แล้ว เอนจอยได้เลย ใครชอบแอคชั่นบู๊ระห่ํา ไม่ผิดหวังแน่ๆ หากดูแล้วถูกใจสามารถไปติดตามหนังแนวนี้ เราขอแนะนำอีกเรื่อง Knock at the Cabin สามารถไปติดตามได้ที่นี่เลย